จำนวนผู้เข้าชม: 637 วันที่ 08/12/2017
อาชีวะจับมือ UNESCO พัฒนาทักษะวิชาชีพ สู่ความทันสมัย
ดร.สุเทพ ชิตยวงษ์เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ได้มอบให้สำนักวิจัยและพัฒนาการอาชีวศึกษา ดำเนินโครงการร่วมกับสำนักงานยูเนสโกภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก จัดประชุมเชิงปฏิบัติการผู้เชี่ยวชาญระหว่างประเทศครั้งที่ 1 เกี่ยวกับความต้องการทักษะกำลังคนตามอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ S-Curve และอุตสาหกรรมใหม่ New S-Curve เพื่อการพัฒนาทักษะอาชีพให้ตรงกับความต้องการและความก้าวหน้าของเทคโนโลยีและสถานการณ์ด้านอาชีพที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในยุคนี้ซึ่งเป็นยุคของนวัตกรรมและสังคมผู้สูงวัย
ในการประชุมครั้งนี้สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาได้มอบให้ ดร.ศิริพรรณชุมนุม ที่ปรึกษาโครงการพิเศษ เป็นผู้ประสานงาน โดยมี ผู้เข้าร่วมประชุมจากหลากหลายประเทศและมีผู้เชี่ยวชาญด้านอาชีวศึกษา จากยูเนสโก เช่น ผู้เชี่ยวชาญจากแคนาดา เกาหลีอินโดนีเซีย อินเดียลาว คาซัคสถาน ฟิลิปปินส์ ศรีลังกา รัสเซีย มองโกเลีย อิหร่าน เวียดนามและผู้แทนจากสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ผู้แทนจากยูเนสโก จำนวนรวมจำนวนทั้งสิ้น 40 คน ร่วมกันนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับการศึกษาด้านวิชาชีพของแต่ละประเทศรวมถึงหารือรูปแบบของภาคการผลิตหรือภาคเศรษฐกิจของประเทศต่าง ๆ ที่มีความก้าวหน้าในรูปแบบที่มีความทันดร.ศิริพรรณ ชุมนุม ที่ปรึกษาโครงการพิเศษ สนง.คณะกรรมการการอาชีวศึกษา นำคณะผู้เชี่ยวชาญด้านอาชีวศึกษาขององค์กร UNESCO จากประเทศต่าง ๆ 18 ประเทศ และผู้เกี่ยวข้องเยี่ยมชม การจัดการเรียนการสอนอาชีวศึกษาของประเทศไทย ณ กาญจนภิเษกวิทยาลัย ช่างทองหลวง (ศาลายา) จังหวัด นครปฐมสมัยและเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว แต่ละประเทศจึงต้องเร่งสร้างเครือข่ายความร่วมมือและการบูรณาการการวิจัยระหว่างประเทศเพื่อให้ได้มาซึ่งองค์ความรู้ของความต้องการทักษะตามอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศและอุตสาหกรรมใหม่ New S-Curve เพื่อการพัฒนาทักษะอาชีพกำลังคนให้ก้าวทันการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีซึ่งจะเป็นการสร้างกำลังคนคุณภาพให้กับประเทศทั้งในปัจจุบันและอนาคต
ดร.สุเทพ กล่าวถึงวัตถุประสงค์หลักของการประชุมครั้งนี้ คือการแลกเปลี่ยนเรียนรู้รูปแบบของการคาดการณ์ความต้องการกำลังคนในระดับทักษะอาชีพและกลุ่มอาชีพที่เป็นต้นแบบ ลักษณะงานที่เกี่ยวข้อง ทักษะที่ต้องการและการฝึกอบรมรวมถึงการกำหนดระดับคุณวุฒิการศึกษาที่เชื่อมโยงระดับความสามารถในการปฏิบัติงานโดยสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา หวังว่าการประชุมครั้งนี้จะมีส่วนสำคัญในการสร้างความรู้ความเข้าใจ รูปแบบที่เหมาะสมในการวิเคราะห์และกําหนดทักษะที่จำเป็นสำหรับการอาชีวศึกษาในอนาคต การสร้างเครือข่ายการเรียนรู้ร่วมกันระหว่างประเทศสมาชิกและนานาชาติ และที่สำคัญที่สุดคือการเผยแพร่ความเข้มแข็งของอาชีวะศึกษาไทยสู่ประชาคมโลก