โครงการจัดการศึกษาระบบทวิภาคี ไทย-อิสราเอล (ARAVA ) เป็นโครงการความร่วมมือระหว่างสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กับ ARAVA INTERNATLONAL CENTER FOR AGRICULTURE TRALING( AICAT ) ประเทศอิสราเอล เริ่มขึ้นเมื่อปี 2543 ที่วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีร้อยเอ็ด ต่อมาได้ขยายศูนย์ออกไปที่วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีมหาสารคามและวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีศรีสะเกษ เปิดโอกาสให้แก่นักศึกษาที่สนใจด้านการเกษตร ไปศึกษาและปฏิบัติงานที่ประเทศอิสราเอล ซึ่งเป็นประเทศที่มีความก้าวหน้าอย่างยิ่งทางด้านการเกษตร เพื่อให้นักศึกษาได้เรียนรู้จากการฝึกปฏิบัติงานจริงในฟาร์ม (on the job training ) และสามารถนำความรู้และประสบการณ์นั้น ๆ มาถ่ายทอด ให้แก่เกษตรกรไทยที่สนใจได้ อันจะเป็นแนวทางในการพัฒนาอาชีพเกษตรกรรมของประเทศไทย และเพื่อให้นักศึกษาได้สำเร็จหลักสูตร ปวส.พืชศาสตร์ ภายใน 2 ปี การศึกษาจากความร่วมมือกับ AICAT
นายอภิมุข ศุภวิบูลย์ รองผู้อำนวยการ วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีมหาสารคาม เปิดเผยว่า โครงการจัดการศึกษาระบบทวิภาคี ไทย-อิสราเอล นักศึกษาจะผ่านการฝึกงานเกษตรเมืองร้อน เนื่องจากการเรียนการสอนที่อิสราเอลมีค่าหน่วยกิตค่าบำรุงการศึกษาเหมือนกับนักศึกษาตามปกติ นักศึกษาจะต้องออกค่าเครื่องบินเองในการเดินทางไปประเทศอิสราเอล ระหว่างที่อยู่ประเทศอิสราเอล จะเรียนไปด้วยและทำงานไปด้วย โดยนักศึกษาอยู่ที่ประเทศอิสราเอล ประมาณ 10 เดือน จะมีเงินเหลือจากการหักค่าใช้จ่ายต่าง ๆ แล้วประมาณคนละ 100,000 บาท ซึ่งถือว่าหากจะมาทำทุนเริ่มต้นถือว่ายาก ทางวิทยาลัยจึงได้ประสานความร่วมมือส่งนักศึกษาไปทำงานที่ประเทศญี่ปุ่น เพื่อที่จะให้นักศึกษาไปผ่านเกษตรเมืองหนาว โดยนักศึกษาที่อยู่ประเทศญี่ปุ่น 3 ปี ก็จะได้เงินกลับมาโดยเฉลี่ยคนละ 1,000,000 บาท เพื่อที่จะนำมาทำทุนในการประกอบอาชีพ ถ้าเกษตรกรไทยสักคนพูดภาษาอังกฤษได้พอสมควร พูดภาษาญี่ปุ่นเก่งมาก ในขณะเดียวกันสามารถนำความรู้ทางด้านเกษตรเมืองร้อนมาประยุกต์กับเกษตรเมืองหนาวและพัฒนาประเทศไทย เราคิดว่า โครงการนี้จะเป็นโครงการที่ สร้างเกษตรกรยุคใหม่ที่จะเกิดขึ้นกับโครงการนี้ได้แน่นอน
รองผู้อำนวยการ กล่าวเพิ่มเติมว่า ส่วนใหญ่นักศึกษาที่จะคัดไปประเทศญี่ปุ่นนั้น ต้องผ่านการฝึกงานที่ประเทศอิสราเอลมาก่อน เนื่องจากมีวินัยสูงมาก โดยทางวิทยาลัยฯ มีการส่งนักศึกษาไปประเทศญี่ปุ่นหลายปีแล้ว และเมื่อนักศึกษาเดินทางไปและกลับมาจะบอกตนเสมอว่า ที่ประเทศญี่ปุ่นมีวินัยมากกว่าอิสราเอล เริ่มตั้งแต่ความเป็นอยู่ การทิ้งขยะ การขึ้นบันไดเลื่อน ชีวิตจะมีระเบียบวินัยค่อนข้างสูงมาก
อย่างไรก็ตาม การไปประเทศญี่ปุ่นขึ้นอยู่กับความสมัครใจของนักศึกษา ซึ่งประเทศญี่ปุ่นมีความต่างจากประเทศอิสราเอล คือ ถ้าจะไปประเทศญี่ปุ่น นักศึกษาต้องสื่อสารภาษาญี่ปุ่นได้ หากนักศึกษามีความสนใจที่จะเดินทางไปฝึกงานประเทศญี่ปุ่น ทางวิทยาลัยฯจะให้ครูมาสอน หลังจากครูสอนภาษาญี่ปุ่นมาสอนแล้วหากนักศึกษาสามารถสื่อสารภาษาญี่ปุ่นได้ก็จะมีการทดสอบความรู้ทางอินเตอร์เน็ตจากญี่ปุ่นและเขาจะเดินทางมาสัมภาษณ์นักศึกษา หากเด็กคนไหนสัมภาษณ์แล้ว สามารถสื่อสารภาษาญี่ปุ่นได้ ประเทศญี่ปุ่นพอใจก็จะสามารถบินไปฝึกงานได้ทันที โดยปี ๆ หนึ่ง นักศึกษาโครงการดังกล่าวไปประเทศญี่ปุ่นโดยเฉลี่ย ประมาณ 30 คน ใช้ระยะเวลาทั้งหมด 3 ปี ไปเพื่อทำงานและเก็บเงินมาเพื่อที่จะประกอบอาชีพส่วนตัว ซึ่งเกษตรกรส่วนใหญ่ของประเทศญี่ปุ่น ต้องจบ ปวส.ขึ้นไปและไม่รับบุคคลธรรมดา
อาจารย์วีรินทร์ อันทะแขก ครูที่ปรึกษาโครงการทวิภาคีไทย-อิสราเอล (ARAVA) วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีมหาสารคาม เปิดเผยว่า โครงการทวิภาคี ไทย-อิสราเอล จัดการเรียนการสอนสำหรับนักศึกษาระดับ ปวส. สาขาวิชาพืชศาสตร์ ความร่วมมือระหว่างไทย-อิสราเอล รุ่นนี้เป็นรุ่นที่ 18 กำลังเรียนและกำลังฝึกงานอยู่ที่ประเทศอิสราเอล ส่วนรุ่นที่ 17 กลับมาและกำลังเตรียมสถานที่จัดงานประชุมวิชาการองค์การเกษตรกรในอนาคตแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ฯ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ระดับชาติ ครั้งที่ 39
นักศึกษาโครงการ ARAVA มีทั้ง ม.6 ,ปวช.สาขาเกษตร ,ช่างกลเกษตร ,พืชศาสตร์ และมาปรับพื้นฐานเพื่อ เข้าศึกษาต่อในระดับ ปวส. ประเภทวิชาเกษตรกรรม สาขาพืชศาสตร์ เข้าประจำศูนย์การเรียน รวม 100 คน ต่อปีการศึกษา จะเริ่มเปิดเรียนตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคม เพื่อเป็นการเตรียมนักศึกษาให้สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ นอกจากนี้ ยังฝึกวินัยและฝึกการทำงานเกษตรเพื่อเตรียมการไปปฏิบัติแปลงเกษตรจริง ณ ประเทศอิสราเอล
ในด้านการสื่อสาร เมื่อไปอยู่ที่ประเทศอิสราเอล นักศึกษา ปวช.จะมีปัญหาในเรื่องภาษาอยู่บ้าง เมื่อไปที่ประเทศอิสราเอลจะมีล่ามคอยช่วยเหลืออยู่ ถือว่า แรก ๆ ไม่รู้อะไร แต่ก่อนกลับมา ประมาณ 2-3 เดือน Farmer จะบอกว่า นักศึกษาเราโอเค ซึ่งเด็ก ม.6 ส่วนหนึ่งใช้ภาษาอังกฤษได้ดี สามารถเป็นล่ามได้ เมื่อนักศึกษากลับมาก็จะมีการพัฒนาหลายอย่าง เช่น การเปลี่ยนวิธีใส่ปุ๋ย นักศึกษาจะทำเครื่องมือตักปุ๋ยเองเหมือนกับที่เขาไปฝึกงานที่ประเทศอิสราเอลและพัฒนาเครื่องไม้เครื่องมือหลาย ๆ อย่างที่เขาไปฝึกงานมา
นางสาวบงกช แก่นนาคำ นักศึกษา ปวส.2 พืชศาสตร์ วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีมหาสารคาม เล่าให้ฟังว่า ตนไปฝึกงานกลับมาจากประเทศอิสราเอล เมื่อเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมา ไปฝึกงานระยะเวลา 11 เดือน ครูจะมีการคัดเลือกก่อนที่จะบินไปฝึกงานอยู่ 4 เดือน นักศึกษาก็จะได้รับการกดดัน โดยอัตโนมัติ อาทิ การทำงานหนัก และการโดนครูดุในเรื่องต่าง ๆ ในการเตรียมความพร้อมไปประเทศอิสราเอล แต่เมื่อตนกลับมาก็จะได้ทั้งภาษา ได้เงิน และได้รับความรู้เกี่ยวกับนวัตกรรมและการเกษตรของประเทศอิสราเอล
“ตนกลับมาก็จะได้เงินประมาณ 100,000 บาท ได้ทำงานร่วมกับ Farmer และเพื่อน ๆ ที่ไปฝึกงานชาวต่างชาติ อาทิ ประเทศเมียนมาร์ กัมพูชา เอธิโอเปีย เนปาล โดยทำงาน 6 วัน หยุด 1 วัน การเดินทางไปฝึกงานได้ความรู้ ได้ประสบการณ์ในการเดินทาง ประสบการณ์ด้านภาษามีการพัฒนาขึ้นกว่าเดิม และได้เพื่อนต่างประเทศ ไปช่วงแรกจะหนาว ช่วงต่อมาใกล้กลับจะร้อน แต่ถ้าหนาว Farmer จะแจกเสื้อกันหนาวตัวใหญ่ ๆ ให้ เมื่อกลับมาตนมีทักษะในการปลูก การปูพลาสติก และมีโครงการที่จะฝึกงานต่อที่ประเทศอิสราเอลหรือประเทศญี่ปุ่น การไปหาทุนต่างประเทศได้เร็วกว่าที่เรากำหนดเป้าหมาย จากนั้นจะกลับมาทำฟาร์มที่ไทย โดยตั้งใจว่า ไปครั้งนี้หวังว่าจะนำความรู้เรื่องเกษตรเมืองร้อนจากประเทศอิสราเอล หากไปญี่ปุ่นก็จะได้ความรู้เกษตรเมืองหนาวกลับมาทำฟาร์มใหญ่ในประเทศไทย” นางสาวบงกช กล่าว